เครื่องหมายที่คล้ายกันอาจทำให้เกิดปัญหาได้

จุดประสงค์ของการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคือเพื่อป้องกันการสับสนหลงผิดถึงแหล่งที่มาของสินค้าหรือบริการ ดังนั้น ถ้าชื่อแบรนด์ของคุณไปเหมือนคล้ายกับของคนอื่นที่จดทะเบียนไปแล้ว ก็จะถือว่าคุณได้ไปละเมิดสิทธิของคนๆนั้น และการแก้ไขเล็กๆน้อยๆ เช่น การปรับเปลี่ยน ตัด หรือเพิ่มตัวอักษร ก็อาจจะยังไม่เพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงการละเมิดได้

สำหรับการจดทะเบียนนิติบุคคลหรือการจด domain name นั้น แตกต่างจากการจดเครื่องหมายการค้าตรงที่ว่าคุณสามารถทำการปรับเปลี่ยน ตัด แก้ไข หรือเพิ่มตัวอักษร ก็สามารถทำให้บริษัทหรือ domain name ของคุณได้รับการจดทะเบียน ตัวอย่างเช่น บจก. ไซโคลน (Cyclone Co., Ltd.) และ บจก. ไซโคลนไบค์พาร์ท (Cyclone Bike Parts Co., Ltd.) ซึ่งต่างก็ทำธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานเหมือนกัน แต่ บจก. ไซโคลน ได้รับสิทธิในเครื่องหมาย Cyclone แล้ว แต่ บจก. ไซโคลนไบค์พาร์ท ยังไม่ได้ดำเนินการยื่นจดเครื่องหมายการค้า บจก. ไซโคลน นั้นมีสิทธิฟ้อง บจก. ไซโคลนไบค์พาร์ท ในกรณีที่มีการใช้ชื่อแบรนด์ Cyclone ในการโปรโมทและขายสินค้าที่เหมือนกัน และถ้า บจก. ไซโคลนไบค์พาร์ทมีเว็บไซต์ที่ใช้ domain name ว่า www.cyclonebikeparts.com ด้วย บจก. ไซโคลน อาจจะดำเนินการยื่นฟ้องต่อศาลให้สั่งระงับเว็บไซต์นั้น บังคับให้ บจก. ไซโคลนไบค์พาร์ท ต้องเปลี่ยนชื่อ domain name ได้ด้วยเช่นกัน

ขอบเขตของการคุ้มครองชื่อแบรนด์ด้วยเครื่องหมายการค้านั้นมีผลทางกฎหมายค่อนข้างกว้าง เช่น ถ้า บจก. ไซโคลนไบค์พาร์ท ได้เปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็น Zyclone, Syclone, Siclone, หรือแม้กระทั่ง Cyclo ก็อาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการละเมิดเครื่องหมายการค้า Cyclone ของ บจก. ไซโคลน ได้ แต่ที่แน่ๆคือ บจก. ไซโคลนไบค์พาร์ท จะไม่สามารถขอรับความคุ้มครองในชื่อเหล่านี้ได้จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา