เชื่อว่าหลายคนอยากจะมีเงินออมมากขึ้น ยิ่งมีเงินออมเพิ่มขึ้นง่ายๆ เพิ่มขึ้นเร็วๆจะยิ่งรู้สึกดี บางคนคิดไปไกลว่าแค่หายใจก็มีเงินออมเพิ่มขึ้น แต่โลกของความเป็นจริงมันไม่ใช่แบบนั้น
หลายคนพยายามทำทุกวิถีทางแล้วก็ยังเริ่มออมไม่ได้สักทีเพราะติดปัญหาค่าครองชีพสูง มีหนี้สินกองโต รายได้น้อยเกินไป จึงมุ่งแต่จะหาเงินเพิ่มเพราะจะได้มีเงินออมมากขึ้น
หลายคนพยายามทำทุกวิถีทางแล้วก็ยังเริ่มออมไม่ได้สักทีเพราะติดปัญหาค่าครองชีพสูง มีหนี้สินกองโต รายได้น้อยเกินไป จึงมุ่งแต่จะหาเงินเพิ่มเพราะจะได้มีเงินออมมากขึ้น
แต่ว่า…
บางครั้งเราอาจจะมองไกลตัวเกินไป ไกล ไกล ไกล ไกลม๊ากจนลืมสิ่งสำคัญที่อยู่ใกล้ตัวเอง
เราลืมมองดูตัวเอง เราควรสำรวจการเงินของตัวเองให้รอบด้านก่อนที่จะออกไปหารายได้เพิ่ม โดยเริ่มถามตัวเองด้วยคำถามง่ายๆนี้ว่า…
เราลืมมองดูตัวเอง เราควรสำรวจการเงินของตัวเองให้รอบด้านก่อนที่จะออกไปหารายได้เพิ่ม โดยเริ่มถามตัวเองด้วยคำถามง่ายๆนี้ว่า…
ระหว่างหาเงินเพิ่ม 100 บาทกับประหยัดเงิน 100 บาทแบบไหนทำง่ายกว่ากัน?
เราเจอคำถามนี้ในกระทู้ Pantip เป็นคำพูดที่พ่อกำลังสอนเด็กชายให้รู้จักวิธีใช้เงิน แล้วเด็กคนนั้นก็ตอบว่า “ประหยัดทำง่ายกว่า” หลังจากนั้นเด็กชายก็รู้ว่าควรใช้เงินอย่างไร
ถ้าการประหยัดทำได้ง่ายกว่า แสดงว่าเราก็มีเงินออมมากขึ้นจากการประหยัด แต่จะทำอย่างไรได้บ้างลองอ่านดูนะจ๊ะ
ถ้าการประหยัดทำได้ง่ายกว่า แสดงว่าเราก็มีเงินออมมากขึ้นจากการประหยัด แต่จะทำอย่างไรได้บ้างลองอ่านดูนะจ๊ะ
1. ลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
ฟุ่มเฟือย คือ อะไร??
♦ เดินไปที่ชั้นวางรองเท้าที่มีนับ 10 คู่ เปิดตู้เสื้อผ้าที่ใส่ทั้งเดือนก็ไม่ซ้ำ…แล้วก็ชอบพูดว่า “ไม่มีอะไรจะใส่”
♦ เครื่องประทินผิวที่อยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ครีมทาผิวหน้าที่ใช้เพียง 2-3 ครั้งและมีกล่องใหม่ที่ซื้อตุนไว้ตั้งอยู่ข้างๆ…เยอะเกินไปไหม
♦ น้ำหอมกลิ่นใหม่ล่าสุดที่ฉีดไม่ถึงครึ่งขวดวางคู่กับน้ำหอมขวดเก่าที่ใช้ไม่หมดอีก 4-5 ขวด
♦ เป็นคนขี้เหงาต้องนัดเพื่อนออกมาสังสรรค์แทบทุกวัน … เข้าสังคมได้ แต่ไม่ควรมากเกินไป
♦ สูบบุหรี่เพราะคิดว่าพบทางสว่าง อารมณ์ดีเวลาสูบ…แต่ไม่คิดถึงช่วงก่อนตายว่าทรมานแค่ไหน
♦ เครื่องประทินผิวที่อยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ครีมทาผิวหน้าที่ใช้เพียง 2-3 ครั้งและมีกล่องใหม่ที่ซื้อตุนไว้ตั้งอยู่ข้างๆ…เยอะเกินไปไหม
♦ น้ำหอมกลิ่นใหม่ล่าสุดที่ฉีดไม่ถึงครึ่งขวดวางคู่กับน้ำหอมขวดเก่าที่ใช้ไม่หมดอีก 4-5 ขวด
♦ เป็นคนขี้เหงาต้องนัดเพื่อนออกมาสังสรรค์แทบทุกวัน … เข้าสังคมได้ แต่ไม่ควรมากเกินไป
♦ สูบบุหรี่เพราะคิดว่าพบทางสว่าง อารมณ์ดีเวลาสูบ…แต่ไม่คิดถึงช่วงก่อนตายว่าทรมานแค่ไหน
สิ่งเหล่านี้ล้วนเกินความจำเป็นและเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย ของบางอย่างชำรุดเสียหายเพราะเก่าเก็บไม่ถูกใช้งาน บางอย่างหมดอายุไปแล้ว ของบางชิ้นสภาพใหม่มากไม่เคยผ่านการใช้งาน
ถ้าเราลดรายจ่ายส่วนนี้ลงได้ก็จะทำให้มีเงินออมมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยหละ อาจจะมีมากกว่า 50% เลยหละ ถ้าอยากรู้ว่ามีเงินออมเพิ่มขึ้นได้ 50% อย่างไรลองดูที่ตารางนี้
ถ้าเราลดรายจ่ายส่วนนี้ลงได้ก็จะทำให้มีเงินออมมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยหละ อาจจะมีมากกว่า 50% เลยหละ ถ้าอยากรู้ว่ามีเงินออมเพิ่มขึ้นได้ 50% อย่างไรลองดูที่ตารางนี้
สมมติว่าถ้าเรามีพฤติกรรม 3 อย่างนี้ ลองบวกตัวเลขดูว่าถ้าลดรายจ่ายส่วนนี้ได้ เราจะมีเงินออมเพิ่มขึ้นเท่าไหร่?
ซื้อเสื้อผ้าและของประดับจิปาถะ 6,000 บาท
เลี้ยงฉลองลงขวดเหล้า – เบียร์ 7,500 บาท
อารมณ์ดีทุกทีที่สูบบุหรี่ 840 บาท
แทนที่เราจะมีเงินออมเดือนละ 14,340 บาท แต่กลับต้องเสียมันไปอย่างน่าเสียดาย สมมติว่าถ้าเรามีเงินเดือน 28,000 บาท แล้วใช้จ่ายแบบนี้เท่ากับว่าเราใช้เงินฟุ่มเฟือย 51.21% (มาจาก 14,340 x 100 / 28,000 )
แล้วถ้าเงินส่วนนี้กลายเป็นเงินออมของเราล่ะ นี่มันยิ่งกว่าถูกหวยชัดๆ นั่นแสดงว่า ถ้าเราประหยัดรายจ่ายฟุ่มเฟือยนี้ได้ เราจะมีเงินออมเพิ่มขึ้น 51.21% ว้าว ว้าว ว้าว…
เลี้ยงฉลองลงขวดเหล้า – เบียร์ 7,500 บาท
อารมณ์ดีทุกทีที่สูบบุหรี่ 840 บาท
แทนที่เราจะมีเงินออมเดือนละ 14,340 บาท แต่กลับต้องเสียมันไปอย่างน่าเสียดาย สมมติว่าถ้าเรามีเงินเดือน 28,000 บาท แล้วใช้จ่ายแบบนี้เท่ากับว่าเราใช้เงินฟุ่มเฟือย 51.21% (มาจาก 14,340 x 100 / 28,000 )
แล้วถ้าเงินส่วนนี้กลายเป็นเงินออมของเราล่ะ นี่มันยิ่งกว่าถูกหวยชัดๆ นั่นแสดงว่า ถ้าเราประหยัดรายจ่ายฟุ่มเฟือยนี้ได้ เราจะมีเงินออมเพิ่มขึ้น 51.21% ว้าว ว้าว ว้าว…
2. ตรวจสอบใบเสร็จรับเงินทุกครั้ง
เราเคยตรวจใบเสร็จรับเงินไหม?เราเคยถามตัวเองไหมว่าทำไมไม่ตรวจ?แล้วเราตรวจใบเสร็จไปเพื่ออะไร?
เราเคยเชื่อในระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในห้างค้าปลีกแห่งหนึ่ง
จนกระทั่งวันหนึ่งที่เราเลือกซื้อของเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้าไปที่ช่องจ่ายเงิน ระหว่างที่พนักงานนำของใส่ถุง เราก็ดูที่หน้าจอบอกราคาแล้วเห็นว่ามีของชิ้นหนึ่งราคาไม่ตรงกับป้ายที่เขียนไว้
พอได้รับบิลรายการมาแล้วจึงไปสอบถามที่ช่องประชาสัมพันธ์ สรุปว่าเราได้เงินคืนมา 30 บาท
จนกระทั่งวันหนึ่งที่เราเลือกซื้อของเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้าไปที่ช่องจ่ายเงิน ระหว่างที่พนักงานนำของใส่ถุง เราก็ดูที่หน้าจอบอกราคาแล้วเห็นว่ามีของชิ้นหนึ่งราคาไม่ตรงกับป้ายที่เขียนไว้
พอได้รับบิลรายการมาแล้วจึงไปสอบถามที่ช่องประชาสัมพันธ์ สรุปว่าเราได้เงินคืนมา 30 บาท
ป้ายติดแจ้งราคาที่สินค้ามีราคาต่ำกว่าใบเสร็จรับเงิน บางคนอาจจะมองว่าแค่เงิน 30 บาทไม่น่าจะมีอะไร แต่ถ้าเราซื้อ 10 ชิ้นหละแสดงว่าเราจ่ายเงินมากกว่าความเป็นจริงไป 300 บาท
เงินตรงนี้ก็จะกลายเป็นเงินของห้างฯแทนที่จะเป็นเงินออมของเรา “การตรวจใบเสร็จรับเงิน” คือ ช่องโหว่เล็กๆเป็นรอยรั่วของค่าใช้จ่ายที่หลายคนมักมองข้าม
อย่าลืมว่า แม้ระบบจะดีแค่ไหนก็ผิดพลาดได้ เรื่องคิดเงินผิดแบบนี้น้องฝ้ายเลขาก็เคยเจอในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เก็บเงินเกิน ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่าพนักงานคีย์ข้อมูลผิด ถ้าไม่ทักท้วงก่อนก็คงเสียเงินฟรีๆ
เงินตรงนี้ก็จะกลายเป็นเงินของห้างฯแทนที่จะเป็นเงินออมของเรา “การตรวจใบเสร็จรับเงิน” คือ ช่องโหว่เล็กๆเป็นรอยรั่วของค่าใช้จ่ายที่หลายคนมักมองข้าม
อย่าลืมว่า แม้ระบบจะดีแค่ไหนก็ผิดพลาดได้ เรื่องคิดเงินผิดแบบนี้น้องฝ้ายเลขาก็เคยเจอในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เก็บเงินเกิน ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่าพนักงานคีย์ข้อมูลผิด ถ้าไม่ทักท้วงก่อนก็คงเสียเงินฟรีๆ
3. อย่ามองข้ามค่าธรรมเนียม
เราจ่ายบิลค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ ค่าสอบ ค่าบัตรเครดิต ฯลฯ ได้หลายช่องทางมากขึ้น เช่น ตัดผ่านธนาคาร จ่ายผ่านบัตรเครดิต ร้านสะดวกซื้อ ห้างค้าปลีก จ่ายผ่าน ATM จ่ายผ่านมือถือ
อีกหลายช่องทางที่จะอำนวยความสะดวกให้เราจ่ายบิลง่ายขึ้น แล้วเราจะเลือกช่องทางไหนดีหละ?
อีกหลายช่องทางที่จะอำนวยความสะดวกให้เราจ่ายบิลง่ายขึ้น แล้วเราจะเลือกช่องทางไหนดีหละ?
เราควรตัดสินใจที่ค่าธรรมเนียม ถ้าเลือกได้เราต้องการเลือกฟรีค่าธรรมเนียมใช่ไหมคะ
บางคนคิดว่าไม่สำคัญเน้นที่ความสะดวกมากกว่า ยอมจ่ายค่าธรรมเนียมบิลละ 10-15 บาท ถ้าจ่ายเพียงเดือนเดียวอาจจะดูไม่เยอะ แต่ถ้าสะสมเป็นปีหละจะเป็นเท่าไหร่
เช่น เราจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ 3 บิลๆละ 15 บาท รวมเดือนนึงก็ 45 บาท แล้วถ้ารวมเป็น 1 ปีจะเป็นเงิน 540 บาท!! ซึ่งเป็นเงินที่เราไม่ควรจะเสีย
บางคนคิดว่าไม่สำคัญเน้นที่ความสะดวกมากกว่า ยอมจ่ายค่าธรรมเนียมบิลละ 10-15 บาท ถ้าจ่ายเพียงเดือนเดียวอาจจะดูไม่เยอะ แต่ถ้าสะสมเป็นปีหละจะเป็นเท่าไหร่
เช่น เราจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ 3 บิลๆละ 15 บาท รวมเดือนนึงก็ 45 บาท แล้วถ้ารวมเป็น 1 ปีจะเป็นเงิน 540 บาท!! ซึ่งเป็นเงินที่เราไม่ควรจะเสีย
ปัจจุบันวิธีการเสียค่าไฟไร้ค่าธรรมเนียมมันทำง่ายมาก อยู่ใกล้ๆแค่ในมือถือของเรานี่เอง มีวิธีการจ่ายอย่างไรบ้างอ่านต่อได้ที่บทความ “วิธีจ่ายค่าไฟค่าธรรมเนียม 0 บาท “ คลิกที่นี่
สรุปว่า…
ถ้าเราอยากมีเงินออมทันที 50% นั้นเริ่มต้นง่ายๆที่การลดค่าใช้จ่ายลงด้วยการใช้ของฟุ่มเฟือยให้น้อยที่สุด ตรวจสอบใบเสร็จรับเงินทุกครั้งเพราะระบบอัตโนมัตินั้น บางครั้งอาจจะผิดพลาดได้
สุดท้ายอย่ามองข้ามค่าธรรมเนียมเล็กๆน้อยๆ เพราะมารวมกันแล้วก็จะกลายเป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีต่างๆที่จะทำให้เราประหยัดมากขึ้น อย่าลืมลองใช้ดูนะจ๊ะ
สุดท้ายอย่ามองข้ามค่าธรรมเนียมเล็กๆน้อยๆ เพราะมารวมกันแล้วก็จะกลายเป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีต่างๆที่จะทำให้เราประหยัดมากขึ้น อย่าลืมลองใช้ดูนะจ๊ะ