หลายคนไม่ใช่ไม่อยากเก็บเงินนะ… แต่รู้สึกว่า…มันยาก!!
โดยเฉพาะคนที่ดูดวงมาแล้วหมอบอกว่า…คนอย่างเรา “เก็บเงินไม่อยู่”
ชีวิตมันก็มักจะเป็นไปตามคำทำนายเสียด้วยสิ!
มาดามฟินนี่ก็เป็นแบบนั้นค่ะ
กว่าจะเริ่มมีเงินเก็บจริงจัง ปาไปอายุ 30 กว่า!!
หลังจากลุกขึ้นมาตั้งสติ คิดถึงอนาคต ก็ได้ค้นพบว่าตัวเองใช้ 5 ขั้นตอนนี้จนทำให้มีเงินเก็บ
มาดามใช้เองแล้วได้ผล เลยอยากเอามาแชร์ให้ใช้กันค่ะ
1. ได้มาแล้วเก็บก่อน เหลือเท่าไร ให้ใช้ได้แค่นั้น
ขั้นนี้สำคัญมาก ถ้าใช้ก่อนแล้วค่อยเเก็บ…ไม่มีทางเหลือไปเก็บแน่นอนค่ะ
แถมคนสมัยนี้ก็ใจอ่อน วินัยอ่อน ถึงเงินสดหมด ก็รูดบัตร กดเงินจากบัตรกดเงินสดมาใช้ได้อีก
เจ้าใจอ่อนนี่แหละค่ะ…ตัวการที่พาฐานะของเราอ่อนยวบลงไปด้วย
แนะนำ ลองเริ่มที่ 5% ของรายได้ที่เข้ากระเป๋า ส่วนเป้าหมาย คือ 10% ต่อไปหากดัดนิสัยให้รักการเก็บเงินได้แล้ว ก็ค่อยๆ เพิ่มเปอร์เซ็นต์ให้มากขึ้น แต่ตอนนี้เอาแค่นี้ก่อนเถอะ!
2. เงินเก็บนั้นไซร้..วางไว้ให้ไกลมือ
ในเมื่อเราเป็นคนที่ไม่ถูกกับเงิน อยู่ใกล้กันแล้วเงินละลาย
แนะนำ เริ่มฝากประจำ แบบหักบัญชีอัตโนมัติ เอาวันที่เดียวกับเงินเดือนออกเลยนะ อย่าให้เงินถึงมือเราค่ะ แวะไปเก็บก่อนเลย ถึงเมื่อไร มีเรื่องให้ใช้แน่นอน
3. หมั่นชื่นชมความเจริญเติบโตของเงินเก็บ
ข้อนี้แปลกค่ะ หากเราหลับหูหลับตาเก็บเงินได้สัก 3 เดือนขึ้นไป
ลองกลับมาดูเงินในบัญชีอีกที ทีนี้เราจะไม่อยากไปแตะต้องมันเอง
มันเหมือนปลูกต้นไม้ดอกไม้น่ะค่ะ เมื่อมีความงอกงาม เราก็จะรู้สึกภูมิใจ มีความสุขที่เห็นมันโต ไม่อยากให้มันตาย
แนะนำ ทุก 3 เดือน มาดูเงินเก็บพร้อมดอกผล วางมือแนบอก ขอบคุณตัวเองที่ทำได้ จงภูมิใจ
4. เวลาจะใช้เงิน ให้คิดว่า…ต้องแลกกับอะไร?
เมื่อกิเลสมาเยือน มือสั่นจนจะลั่นควักจ่าย
หยุดคิดสักนิดเป็นภาพในหัวว่า…จะดีกว่ามั้ย? ถ้าเงินก้อนนี้ไปอยู่กับเงินเก็บ…ที่เจริญเติบโตอย่างงดงาม
แล้วคิดต่อสิ ถ้าเงินนี้ไม่จ่ายออกไป เก็บไว้อีก 10 ปีข้างหน้า ดอกทบต้น ต้นทบดอก
เงินก้อนนี้ยังอยู่+โตได้ด้วยดอกเบี้ยหรือผลตอบแทน โอ๊ย…จะพาลเสียดายไม่อยากใช้ขึ้นมาเองค่ะ
แนะนำ ให้คิด “สคริปต์บทพูดพร้อมภาพประกอบ” อนาคตของเงินเก็บหรือสิ่งที่เราจะเก็บเงินไปซื้อ จากนั้นเทียบกันค่ะ มือซ้าย…ของที่จะช้อปปิ้งด้วยอารมณ์ชั่ววูบ มือขวา…เงินเก็บและอนาคตอันงดงาม
5. เมื่อรายได้เพิ่ม ให้เก็บเงินเพิ่มขึ้นทุกครั้ง
เช่น ปีนี้รายได้หรือเงินเดือนเพิ่ม 5%
จากเดิมที่เคยเก็บเงินที่ 10% ของเงินเดือน ให้ลองเพิ่มเป็น 12%
นั่นแปลว่า จาก 5% ของรายได้ที่เพิ่มขึ้น แบ่งมาเก็บ 2% แล้วใช้ชีวิตหรูขึ้นได้อีก 3%
หากทำแบบนี้ได้ ยิ่งรายได้มาก เงินเก็บจะยิ่งมาก
แนะนำ ให้คิดไปเลยว่านี่ไม่ใช่เรื่องยาก เราทำได้สบายมาก! นี่คือวิธีคิดของคนที่จะ“สบายในบั้นปลาย” ชีวิตมีแต่เรื่องดี ทั้งเงินเก็บที่เพิ่มขึ้นแบบอัตราเร่งให้อุ่นใจ ในขณะเดียวกันก็มี่ชีวิตที่ดีขึ้น ใช้เงินเพิ่มขึ้นได้แบบมีสติ
จุดตาย จุดอ่อนของ “คนเก็บเงินไม่อยู่” มาดามรู้ชัด มันคือ… “การอัพเกรดไลฟ์สไตล์” ค่ะ!
หากเราไม่ทำข้อ 5 รายได้เพิ่มเท่าไร ใช้เพิ่มขึ้นเท่านั้น นานวัน เงินเก็บเราจะไม่พอยาไส้ในยามเกษียณค่ะ
เพราะคิดดู… เงินเก็บโตก็จริง แต่รายจ่ายโตเร็วยิ่งกว่า
– อย่าเปลี่ยนรถ เปลี่ยนมือถือ บ่อย
– กิน เที่ยว ให้พอดีตัว อย่ายกระดับความหรูทุกปี (ตามที่เห็นชาวบ้านทำ)
เอาเข้าจริงๆ ชีวิตคนเรา 30 ลิขิตฟ้า 70 ต้องฝ่าฟันค่ะ
ดวงกำหนดชีวิตมาส่วนนึง แต่นิสัยเรากำหนดชีวิตเป็นส่วนใหญ่กว่า
อยากเปลี่ยนชีวิต อยากแก้ดวง ให้แก้ที่การกระทำค่ะ
ใครจะบอกว่าเราเป็น “คนเก็บเงินไม่อยู่” ยังไง เราก็แก้ความเชื่อแบบนี้ได้
เราแก้ได้แน่นอน…ถ้าเรารักและเห็นแก่อนาคตตัวเองมากพอ
“เก็บเงิน” น่ะ ไม่ยากค่ะ…ขอแค่เชื่อว่าเราทำได้ และรู้ชัดว่าเราจะทำไปทำไม และทำเพื่อใคร
โอเคนะ