ปัจจุบันเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่ว่าจะวงการธุรกิจใด ไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศนั้น ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ธุรกิจประเภท StartUp นั้นเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในวงการธุรกิจ และเป็นที่จับตามอง ถึงกับถูกตั้งให้เป็นธุรกิจที่ได้รับการยอมรับว่าอาจจะเป็นกลุ่มธุรกิจเปลี่ยนโลกเลยก็ได้ พอพูดมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วธุรกิจ StartUp คืออะไร เป็นอย่างไร รวมถึงปัจจัยใดที่ทำให้ธุรกิจชนิดนี้นั้นเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในเวลานี้ วันนี้เราได้รวบรวมความน่าสนใจในธุรกิจชนิดนี้มาฝากกัน
Startup คืออะไร
Startup คือธุรกิจที่เกิดขึ้นใหม่ เปิดบริษัทขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับธุรกิจด้านไอที และรวมถึงการทำธุรกิจให้เติบโตขึ้นแบบก้าวกระโด สามารถสร้างรายได้จำนวนมาก เป็นธุรกิจที่เกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นธุรกิจด้านไอที ในวงการไอทีนั่นเอง เช่นพวกแอปพลิเคชั่น ต่างๆ ซึ่งหากต้องการมองภาพของธุรกิจชนิดนี้ให้ชัดเจนขี้น ให้มองจาก Google , facebook แบรนด์เหล่านี้เริ่มต้นจากเป็นธุรกิจประเภท Startup ซึ่งเกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเรียกว่า Silicon Valley ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวของบริษัทด้านไอทีชั้นนำต่างๆมากมายทั่วโลก รวมถึงผู้ที่ต้องการเปิดบริษัทและนักลงทุนด้วย
Startup แตกต่างจาก SME อย่างไร
แน่นอนดูเผินๆแล้ว Startup ก็เหมือนกับธุรกิจ SME นั่นเอง แต่จริงแล้วแตกต่างเพราะ Startup นั้นต้องการการเติบโตแบบก้าวกระโดด หากยังสงสัยให้ย้อนกับไปดู Facebook อีกครั้ง Facebook เกิดจากแนวคิดการเชื่อมโยงกัน ก่อนจะผลิตเป็นแอปพลิเคชั่นจริงออกมา จะเห็นได้ว่า Facebook มีการเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดดมาก และในปัจจุบันก็เป็นโซเชียลที่กำลังได้รับความนิยมและโด่งดังมากอีกด้วย จึงแสดงให้เห็นว่าธุรกิจแบบนี้เติบโตอย่างก้าวกระโดดจริงๆทั้งสามารถทำกำไรได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย
ในเมื่อเป็นบริษัทเล็กๆแล้วเอาเงินทุนมาจากไหน
แน่นอนว่ามันเป็นการเปิดบริษัท แล้วจะเอาเงินทุนมามากมายขนาดนั้นได้อย่างไร คำตอบอยู่ที่นักลงทุน คือ ธุรกิจ Startup นั้นจะมีประเพณีในการระดมทุนจากนักลงทุนทั่วโลกโดยการขายไอเดียของธุรกิจเรา ซึ่งถ้ามันเจ๋งและนักลงทุนเห็นว่ามันสามารถเปลี่ยนโลกได้ เขาจะให้เงินทุนเรามาลงทุนเพื่อผลิตสินค้านั้นๆออกมาสู่ตลาด และออกมาเพื่อเปลี่ยนโลกนั่นเอง แต่นักลงทุนใช่ว่าจะให้เราฟรีๆนะ เขาเองก็มีสิทธิจากส่วนแบ่งรายได้ในอนาคตของเรานั่นเอง เรียกว่าเป็นการลงทุนแห่งอนาคตจริงๆแต่นักลงทุนจำนวนไม่น้อยเลยที่คิดถูกกับหลากหลายไอเดีย Startup ที่ผุดขึ้นบนโลกใบนี้ ซึ่งนักลงทุนมีด้วยกันอยู่ 2 ประเภท
- นักลงทุนแบบ Angel Investor
คือนักลงทุนที่ยอมควักเงินทุนให้นักขายไอเดียตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น เพราะเห็นว่าไอเดียพวกนี้จะก่อเกิดมูลค่ามหาศาล เพื่อให้นักขายไอเดียนั้นไปทำผลิตภัณฑ์ที่เขาขายนั้นเกิดขึ้นได้จริง ใช้ได้จริง ทำประโยชน์สูงสุดได้จริง สิ่งที่ต้องมีคือพวกเขาต้องมีความกล้าเสี่ยงและมีสายตาอันหลักแหลมในการมองทิศทาง ทางธุรกิจมาก ส่วนสำหรับนักขายไอเดียนั้นต้องการนักลงทุนแบบนี้ที่สุดที่เห็นคุณค่าของสิ่งที่เขาทำนั่นเอง
- นักลงทุนแบบ Venture capital คือนักลงทุนระดับเสี่ย ที่สามารถทุ่มเงินลงทุนได้ในระดับเป็นร้อยล้านเลยทีเดียว ซึ่งนั่นแปลว่าเขาจะไม่ค่อยลงทุนกับผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงมากนักอย่างน้อยก็พอเห็นลู่ทางแห่งความสำเร็จบ้างถึงจะหว่านเม็ดเงินลงไป จึงมักไม่ค่อยลงทุนกับผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในจุดเริ่มต้นสักเท่าไหร่นักโดยการลงทุนแบบนี้ก็ถือว่ามีความเสี่ยงอยู่เหมือนกันและต้องมีเงินทุนสูงมาก
ทำStartup อย่างไรให้สำเร็จ
อย่างแรกคือความคิดไม่มีวันสู่จุดสิ้นสุด เราคงต้องยอมรับว่าการจะประสบความสำเร็จในธุรกิจ Startup แล้ว สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้ไอเดีย การมองหาวิธีแก้ปัญหาแม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นเรื่องของคนจำนวนมากนั้นมันน่าสนใจเสมอแล้ว ยังต้องอาศัยความเพียร พยายามขั้นสูงสุด รวมถึงใช้ทุกศาสตร์ทั้งความรู้ อารมณ์ จิตใจ ในการจะทำให้มันประสบความสำเร็จ รวมถึงความอดทน แม้ไอเดียที่เราคิดว่าดี มันอาจจะไม่ได้เป็นที่สนใจของคนอื่นก็ได้ จึงจำเป็นต้องยอมรับความคิดต่าง ข้อบกพร่องเพื่อมองไอเดียใหม่ๆที่กว่าเสมอ จนค้นเจอไอเดียที่ดีที่สุด ผลิตมันออกมาเพื่อให้นักลงทุนเห็นเป็นรูปเป็นร่างที่สุดนั่นเอง จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย ขึ้นอยู่กับความหลงใหลในไอเดียของเราด้วย เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดนวัตกรรมเปลี่ยนโลกอย่าง apple,facebook แน่นอน