ตอนนี้มีประกาศมาจากรัฐบาลที่กำลังนโนบายการเงินการคลังที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจที่มีความรู้ความสามารถ โดยรัฐบาลได้จูงใจให้ผู้ประกอบการโดย ลดภาษีจาก 20% และ 15% เป็น 10% สำหรับธุรกิจที่มีกำไรสุทธิเกิน 300,001 บาท เป็นระยะเวลา 2 รอบบัญชี ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อ Freelance และ SMEs ที่ยังไม่ได้จัดตั้งบริษัท ในกรณีที่เป็นธุรกิจ startup ที่รัฐบาลสนับสนุนเป็นกรณีพิเศษในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จดทะเบียนบริษัทใช่ช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคมปีนี้
การใช้นโยบายลักษณะนี้น่าสนใจต่อคนที่มีไอเดียใหม่ๆ คนที่เป็น Freelance เป็นอย่างมากเพราะโดยปกติแล้วหากเราทำธุรกิจด้วยการรับเงินในนามบุคคล เราจะต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดา ซึ่งมีอัตราสูงสุดที่ 35% และสามารถหักค่าใช้จ่ายส่วนตัวได้ 40% แต่ไม่เกิน 60,000 บาทและ ลดหย่อนส่วนตัวได้ 30,000 บาท ซึ่งถ้าเงินได้สุทธิเราค่อนข้างมากจะทำให้เราเสียภาษีมาก
นโยบายดังกล่าวผมจึงมีข้อดีสำหรับกลุ่มคนทำธุรกิจขนาดเล็กที่เราสามารถใช้ประโยชน์จากนโยบายภาษีแบบใหม่ และที่สำคัญของการตั้งบริษัทจำกัดขึ้นมานั้นคือเราสามารถหักค่าใช้จ่ายได้เยอะกว่าแบบบุคคลธรรมดา เช่น การนำค่าน้ำค่าไฟ ค่าแท๊กซี่ ค่าซื้ออุปกรณ์สำนักงานต่างๆ การนำใบเสร็จค่าอาหารที่เลี้ยงลูกค้าไปหักค่าใช้จ่ายก่อนคิดภาษีได้ ซึ่งจุดนี้เป็นข้อได้เปรียบทางภาษีของการทำธุรกิจด้วยการตั้งบริษัทที่เหนือกว่าการทำแบบบุคลลธรรมดา
วิธีการที่อยากจะแนะนำให้คนทำธุรกิจขนาดเล็กได้ทำคือ
1. ตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อทำธุรกิจเพื่อรับประโยชน์จากมาตรการภาษี
2. อุปกรณ์ต่างๆที่เราใช้ทำธุรกิจ รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ซื้อในนามบริษัทเพื่อนำไปหักค่าใช้จ่ายจะทำให้ฐานภาษีบริษัทเหลือ 10%
3. จ่ายเงินเดือนให้ตัวเองในอัตราที่เหมาะสมโดยไม่ต้องเผื่อว่าเราจะซื้ออุปกรณ์และค่าใช้จ่ายเพราะเราซื้อในนามบริษัทแล้ว
4. หากรายได้ส่วนตัวมีการเสียภาษี ให้เราทำตามขั้นตอนการลดหย่อนภาษีด้วยการซื้อ LTF RMF ประกันชีวิต
แล้วภาษีจากการทำธุรกิจของเราจะลดลงเลยทีเดียว ในส่วนนี้ยังทำให้เราได้ช่วยรัฐบาลได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการใช้เงินผ่านการจับจ่ายในนามนิติบุคคลเพื่อนำไปหักค่าใช้จ่ายต่างๆ เมื่อนิติบุคคลใช้เงินมากขึ้นก็ย่อมส่งผลให้มีเงินหมุนมากขึ้น มีการผลิตมากขึ้น ก็สร้างงานมากขึ้นด้วยครับ